อุตสาหกรรมโรงแรมจีน กับโอกาสลงทุนระยะยาว (1/3)

(5 min read) วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรมในจีน จากอดีตจนถึงปัจจุบันกัน

อุตสาหกรรมโรงแรมจีน กับโอกาสลงทุนระยะยาว (1/3)

วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับภาพรวมของอุตสาหกรรมโรงแรมในจีน จากอดีตจนถึงปัจจุบันกันก่อน และบทวิเคราะห์ต่อๆไปเราจะพาไปรู้จักกับหุ้นในกลุ่มโรงแรมจีนในเชิงลึกกันต่อไปนะค้าบ

Table of content
อุตสากรรมโรงแรมจีนใน 4 ยุค
1. ยุคเริ่มต้น 1980 - 2000
2. ยุคเติบโตอย่างรวดเร็ว 2000 - 2010
3. การเกิดของโรงแรมกลุ่ม Mid to upper midscale Segment
4. ยุคหลังโควิด
ยุคสมัยใหม่ของการท่องเที่ยว และโรงแรมในจีน
1. ปัจจัยที่เป็นตัวเร่งการท่องเที่ยวจีน
2. การคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมโรงแรมจีนใน 4 ยุค

ผมขอแบ่งออกเป็น 4 ยุคหลักๆ เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ

  1. ยุคเริ่มต้น 1980 - 2000: ยุคนี้ถือเป็นยุคริเริ่มของ Chain โรงแรมในจีน เจ้าแรกก็มี Jinjiang และ Home inns ซึ่งกลุ่มโรงแรมจีนจะเน้นไปในส่วนของ Economy Segment หรือกลุ่มราคาถูก ประมาณ 3 ดาวเป็นหลัก ส่วนเชนโรงแรมต่างประเทศก็เริ่มเข้ามาเช่นกัน แต่จะเน้นไปในส่วนของ High End และ Luxury
  1. ยุคเติบโตอย่างรวดเร็ว 2000 - 2010: หลังจากพัฒนากันมาอย่างยาวนานก็เริ่มเข้าจุดเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาในตลาดมากขึ้น และเราก็เริ่มได้พบกันเจ้าตลาดคนใหม่ของจีน นั้นก็คือ H-World กับโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือโรงแรม Hanting ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผนวกกับปี 2008 จีนได้เป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งกีฬา Olympic ทำให้อุตสาหกรรมโรงแรมก็เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยุคนี้ก็ยังมีการแข่งขันกันเปิดโรงแรมราคาถูกกันอยู่มาก ทำให้กลายเป็นการแข่งขันทางราคาเป็นหลัก
  1. การเกิดของโรงแรมกลุ่ม Mid to upper midscale Segment: ชายที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงโรงแรมในยุคนี้คือ Haijun Wang ผู้ที่ซึ่งเคยเป็นถึง Executive vice president ของ chain โรงแรมเบอร์ 1 ของจีนอย่าง H-world
    จากการที่เขาเห็นช่องว่างระหว่างโรงแรมระดับล่างของกลุ่มจีนที่แข่งขันทางด้านราคากันเป็นหลัก กับโรงแรมระดับบน ของแบรนด์ต่างประเทศที่มีการบริการระดับสูง แต่ก็ราคาสูงมากเช่นกัน ทำให้เขาตัดสินใจออกจาก H-world มาเปิด Chain โรงแรมของตัวเองที่มีชื่อว่า Atour นั้นเอง เดี๋ยวเราจะไปเจาะลึกโรงแรม Atour กันอีกทีในตอนหน้านะครับ

Atour เป็นโรงแรมระดับกลาง ประมาณ 4 ดาว ที่มาปิดช่องว่างของ 2 กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น และปัจจุบันเป็นเบอร์ 1 ในระดับนี้อีกด้วย

  1. ยุคหลังโควิด:ช่วงที่เจอโควิดทำให้โรงแรมในจีนหายไปกว่า 23.5% โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่บริหารกันเอง ไม่ใช่ Chain เนื่องจากโดนปิดประเทศและอยู่ไม่ได้เพราะสายป่านไม่ยาวพอ รวมถึงการบริหารที่ไม่ดี

แต่เมื่อเราไปดูสัดส่วนโรงแรมที่เป็น Chain จะเห็นเลยว่า สัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จนปี 2023 มีสัดส่วนโรงแรมที่เป็น Chain เทียบกับโรงแรมที่บริหารกันเองอยู่ที่ 41.5%

ถามว่ามันจะยังเพิ่มขึ้นได้อีกหรอ? ในปี 2020 สัดส่วนนี้ในอเมริกาอยู่สูงถึง 72.9% เลยทีเดียว แสดงว่ายังมีโอกาสเปลี่ยนไปเป็น Chain มากขึ้นเรื่อยๆแน่นอน เพราะการบริการ การจัดการ รวมถึงการหาลูกค้าของโรงแรมระดับ Chain ทำได้ดีกว่าโรงแรมทั่วไปอย่างมาก

และอีกมุมนึง ถ้าเรามองสัดส่วนโรงแรมในแต่ละ Segment จะเห็นว่าโรงแรมในจีนส่วนใหญ่ตอนนี้ยังคงเป็นโรงแรมกลุ่ม Mass market หรือ Economy ราคาถูก แต่ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างอเมริกา สัดส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรมระดับกลาง ซึ่งถ้าเราติดตามโรงแรมที่กำลังเปิดในจีนตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Midscale และ Upper midscale ซึ่งจะมีสัดส่วนมากขึ้นในอนาคต

ยุคสมัยใหม่ของการท่องเที่ยว และโรงแรมในจีน

การท่องเที่ยวกำลังจะทำให้โรงแรมในจีนกลับมา Boom อีกครั้ง

จากยอดจำนวนนักท่องเที่ยวในจีน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวกันเองในประเทศ เกือบ 5000 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเพียงแค่เพียง 82 ล้านคนเท่านั้น แต่จากคาดการณ์ต่างๆก็มองกันว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในจีนมากขึ้นเรื่อยๆ

จากสถิติรายได้จากนักท่องเที่ยว Inbound เข้าประเทศเทียบกับ GDP ของจีน อยู่ที่ 0.3% เท่านั้นน

เทียบกับประเทศอื่นๆถือว่าน้อยมากๆครับ ถามว่ามันติดอะไรทำไมถึงน้อยขนาดนี้ แน่นอนว่าประเทษจีนใหญ่มาก และคนยังไม่กล้าไปกันมากนักเพราะข้อมูลน้อย และยังไม่รู้ว่ามีอะไรน่าสนใจ

แต่มันเป็นเพียงอดีตเท่านั้นครับ

ปัจจุบันจีนเป็นที่ๆนักท่องเที่ยวจับตากันมากขึ้นจากหลายปัจจัย

  1. Free Visa: จะเห็นว่าช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จีนประกาศฟรี Visa ให้กับหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย ซึ่งนี้ทำให้การตัดสินใจไปเที่ยวจีนง่ายมาก และนี้เป็น Keys สำคัญที่ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่ารัฐบาลจีนกำลังสนับสนุนการท่องเที่ยว และเรายังเห็นอีกว่ามีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว เช่นห้องน้ำที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
  2. Soft Power จีนกำลังมาแรง: นึกภาพย้อนไปในยุคที่เราชอบไปเที่ยวเกาหลีกัน ก็เพราะเดินตามรอยซีรีย์เกาหลีใช่ไหมครับ เราไปญี่ปุ่นเพราะอาหาร และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ จากการที่เราดูหนังต่างๆ เราได้รับวัฒนาธรรมต่างๆเข้ามา และผมอยากให้ลองมองปรากฎการณ์ในช่วง 1 - 2 ปีนี้ดีๆนะครับ
    1. Popmart ถือเป็นบริษัทจีนเจ้าแรกเลยก็ว่าได้ ที่นำพาสินค้าประเภทของเล่นของสะสมจากจีนอย่าง LABUBU ออกสู่สายตาโลก และเป็นที่ยอมรับอย่างสูง
    2. เกม AAA ล่าสุดอย่าง Wukong ที่เรียกได้ว่าสร้างกระแสให้กับชาวเกมทั่วโลกพูดถึง และได้เล่นเกมในระดับที่ไม่เคยมีเจ้าไหนในโลกทำได้ ซึ่งเนื้อเรื่องก็เป็นการเล่าตำนานจีน ทำให้ทั้งโลกได้รู้จักกับประเทศจีนมากขึ้น
    3. หนังการ์ตูน NaZha2 ที่เรียกรายได้ทั้วโลกไปกว่า 2000 ล้านเหรียญ แซงหลายๆเรื่องของ Disney ด้วยซ้ำ นี้ก็เป็นการเล่าตำนวนจีนให้คนตะวันตกได้รู้จักเช่นกัน
    4. ซีรีย์จีนแนวตั้ง รวมถึง Tiktok ก็ทำให้การนำพา Soft Power ของจีนออกมาให้ทุกคนได้รู้จักมากขึ้น แทบจะไม่ต่างกับช่วงที่ซีรีย์เกาหลีทำให้เราอยากไปเกาหลีเลย
    5. กำแพงภาษาที่ลดลง คนจีนส่วนมากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ปัจจุบันถ้าเราไปจีนก็ยังพูดกันไม่ได้ แต่พวกเขาจะมีเครื่องแปลภาษา รวมถึงโทรศัพท์ AI ต่างๆก็เป็นสื่อกลางได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมากๆ รวมถึง Airpod ที่เปิดตัวใหม่แปลภาษาแบบเรียวไทม์ด้วย จะเห็นว่ากำแพงภาษากำลังลดลง ไม่ต้องกลัวสื่อสารไม่รู้เรื่อง

ในด้านของโรงแรม จึงจะเป็นอุตสาหกรรมที่ก็น่าจะเติบโตสูงตามการท่องเที่ยวจีนที่กำลังเติบโตเช่นเดียวกัน และนี้จะไม่ใช่ภาพแค่ 1 - 2 ปีครับ ผมเชื่อว่านี้เป็นเทรนด์ระยะกลางถึงยาวเลยทีเดียว

การคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรม

ลองไปดูการคาดการณ์ของ Chain โรงแรมใหญ่อย่าง IHG กันหน่อย ว่าเขามองยังไงกับอุตสาหกรรมโรงแรมในจีน

เทียบกับประเทศอื่นๆทั้งหมดแล้ว IHG มองว่าประเทศจีนจะมีการเติบโตในช่วง 2024 - 2034 สูงที่สุด ทั้งในด้านจำนวนห้องโรงแรมที่จะเติบโต 4% ต่อปี และ รายได้จากการท่องเที่ยวจะสูงขึ้นถึง 9.4% ต่อปีเลยทีเดียว

จากการที่ GDP จีนยังโตสูง ชนชั้นกลางกำลังมีสัดส่วนที่สูงขึ้น และจำนวนโรงแรมเทียบกับประชากรยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับในอเมริกา

ตอนนี้เชื่อว่าน่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า

  • การท่องเที่ยวจีน และอุตสาหกรรมโรงแรมจีนจะเติบโตอย่างชัดเจน
  • แนวโน้มต่างๆของโรงแรมจีนจะเปลี่ยนเป็น Chain มากขึ้น
  • รวมถึง Segment ของโรงแรมก็จะเพิ่มขึ้นในส่วนของ Mid to Upper Mid-Scale

ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้ บริษัทที่ผมคิดว่าตรง และน่าสนใจที่สุดมี 2 บริษัทด้วยกัน นั้นคือ

Atour: เชนโรงแรมระดับกลางน้องใหม่ไฟแรง ที่มี Business Model ที่แตกต่างจากคนอื่นชัดเจน

H-world: เชนโรงแรมที่มีมูลค่าสูงที่สุดในจีน และยังมียอด Member สูงที่สุดในโลกอีกด้วย

จบไปแล้วสำหรับ Overview ของอุตสาหกรรม

ต่อไปเราจะพาไปทำความรู้จักกับโรงแรม Atour และ H-world แบบเชิงลึก รวมถึง Valuation การประเมินมูลค่า น่าสนใจลงทุนหรือไม่ ในมุมมองของผม


Subscribe ติดตามไว้ได้เลยเพื่อไม่ให้พลาดบทความใหม่ๆนะครับ(ฟรี) ถ้าอยากสนับสนุนผลงานของเราสามารถสมัครเป็น Member ของเราได้เลยยครับ💗

Follow us

Facebook Blockdit